เลขที่ 14 57360237 นายธนบดี เขียนน้อย
การวิพากษ์วรรณกรรม
ประกอบรายวิชา 001222 ภาษา สังคม และวัฒนธรรม
โดย นายธนบดี
เขียนน้อย
รหัสประจำตัว
57360237
คณะ วิศวกรรมศาสตร์
ชื่อวรรณกรรม เจ้าชายน้อย
แต่งโดย Antoine De
Saint-Exupery
แปลโดย
(ถ้ามี) อาริยา
ไพฑูรย์
พิมพ์ครั้งที่ 1
สำนักพิมพ์ XXXXX XXXXXXXXXX
ปีที่พิมพ์ XXXXX XXXXXXXXXX
จำนวนหน้า 64
หน้า
เนื้อหาโดยย่อ
นักบินคนหนึ่งได้ออกบิน และเครื่องบินของเขาได้เกิดขัดข้อง
มันไปเสียอยู่กลางทะเลทรายซาฮาร่า เมื่อเขามีอายุได้เพียงหกขวบนั้น
เขารักในการวาดรูป แต่เหมือนจะไม่มีใครเข้าใจการวาดรูปของขาเลย
ผู้ใหญ่ต่างไม่เข้าใจในรูปวาดของเขา
ซ้ำยังบอกให้เขาเลิกวาดและหันไปสนใจสิ่งอื่นแทน อย่างเช่นภูมิศาสตร์
และเมื่อเขาได้เป็นนักบินนั้น เขาได้ออกเดินทาง
และในวันที่เครื่องบินตกนั้น เขาได้พบกับเด็กชายคนหนึ่งที่มีท่าทีแจ่มใส
เขาเข้ามาหาชายคนนี้ และขอให้เขาวาดแกะให้
แต่ชายคนนั้นได้สูญเสียกำลังใจในการวาดรูปไปแล้วเมื่อเขาอายุได้เพียงหกขวบ
จากพวกผู้ใหญ่ที่ไม่เข้าใจในรูปวาดของเขา จึงได้แกะที่ไม่ได้สวยอะไร
และเด็กชายก็ขอให้วาดใหม่อยู่ร่ำไป เขาจึงตัดสินใจวาดกล่องแทน
แล้วบอกว่ามีแกะอยู่ในนั้น เด็กชายพอใจเป็นอย่างมาก และบอกว่ากำลังดี
เขาซักถามเด็กชายบ่อยครั้งถึงที่มาและดวงดาวของเด็กชาย แต่เด็กชายกลับไม่ตอบอะไร
เป็นเขาเองที่จับใจความจากการบอกกล่าวของเด็กชาย ทั้งเรื่องดวงดาวที่มีขนาดเล็ก
การได้เห็นพระอาทิตย์ตกวันละหลายๆครั้ง
เด็กชายพูดถึงการเดินทางไปแต่ละดวงดาวของเขา
ดาวแต่ละดวงจะมีคนแต่ละแบบ ดาวดวงแรกเขาไปหากษัตริย์ ผู้ชอบออกคำสั่ง
มันทำให้เขาไม่เข้าใจในความเป็นผู้ใหญ่
ดาวดวงต่อๆมาที่เขาไปมีทั้งดสวของชายหลงตัวเอง เขาจะได้ยินแต่คำชม
แม้เด็กชายจะถามอะไรเขาก็จะไม่ได้ยินเสียงนั้น
แต่เขากลับบอกให้เด็กชายชมว่าเขาดีสุด หล่อสุด ฯลฯ
และเมื่อเด็กชายปรบมือตามคำบอกกว่าของเขา เขาก็จะเอาหมวกที่หัวออกพร้อมกับโค้งรับ
เป็นอย่างนี้อยู่ร่ำไป เด็กชายก็เห็นว่าไม่สนุกตรงไหน
แล้วเขาก็ไม่เข้าใจชายผู้นี้ด้วย และเขาก็ได้เดินทางไปยังดาวดวงต่อไป
เขาไปเจอทั้งเศรษฐี ที่เป็นเจ้าของดวงดาวนับล้านๆดวง แต่เขาไม่ได้ทำอะไรกับมันเลย
ไม่เคยดูแล หรือทำสิ่งใดเลย เขาจึงไม่เข้าใจ
ว่าทำไมชายผู้นี้ถึงบอกว่าตัวเองเป็นเจ้าของดวงดาวเหล่านั้นต่างจากเขาที่มีดอกไม้ที่เขาเฝ้าดูแลกับปล่องภูเขาไฟอีกสามลูกที่บ้านของเขา
จากนั้นเด็กชายก็ออกเดินทางไปยังอีกดวงดาว เขาไปดวงดาวที่มีชายขี้เหล้าอยู่
เขานั่งดื่มอยู่อย่างนั้น เด็กชายจึงถามว่าเกิดเพราะเหตุใด
เขาจึงบอกว่าเพื่อลืมอะไรบางอย่าง เด็กชายก็ถามต่อว่า เรื่องอะไร
ชายขี้เมาตอบกลับมาว่าเรื่องที่น่าอับอาย เด็กชายถามด้วยความสงสัยว่า
อายด้วยเรื่องอะไร ก็อายเรื่องที่ต้องกินเหล้าหน่ะสิ ชายขี้เมาตอบ แล้วก็เงียบไป
เจ้าชายน้อยจึงจากไปด้วยความสงสัยว่าผู้ใหญ่นี่ช่างแปลกจริง เขาเดินทางไปเรื่อยๆ
ได้พบดวงดาวที่มีผู้คนอยู่หลากหลายแบบ ทั้งชายเปิดปิดโคมไฟ นักภูมิศาสตร์
จนมาถึงดวงดาวที่เจ็ด คือโลก
มันเป็นดาวธรรมดาดวงหนึ่ง ที่มีขนาดใหญ่ เมื่อมาถึงโลกมนุษย์ เขาแปลกใจที่ไม่พบเจอผู้คนเลย เขากลัวว่าจะมาผิดดวง แต่บังเอิญไปเห็นวงแหวนสีพระจันทร์ยับไหวอยู่บนพื้นทราย เขาพูดคุยกับงูว่าที่นี่ที่ไหน ไม่มีคนเลยหรือ งูตอบว่าที่นี่เป็นทะเลทราย ไม่มีคนอยู่บนทะเลทรายหรอก งูบอกจะช่วยเด็กชายเมื่อวันหนึ่งที่เธอคิดถึงดวงดาวของเธอ เด็กชายบอกว่าเธอชอบพูดอะไรที่เป็นปริศนา แล้วงูก็ตอบกลับว่า แล้ววันหนึ่งเธอจะเข้าใจเอง แล้วทั้งคู่ก็เงียบไป เด็กชายออกเดินทางไปเรื่อยๆ เจอดอดไม้ ภูเขา เจอทุ่งกุหลาบที่เหมือนดอกไม้บนดาวของเขา ที่เขาคิดว่าเธอมีเพียงดอกเดียว ดอกไม้ที่เขาเฝ้าทะนุถนอมแต่เขากลับพบว่าที่นี่มีดอกไม้ที่หน้าตาเหมือนกันถึง5000ดอก แล้วเขาก็เดินไปในป่า ได้ยินเสียงของสุนัขจิ้งจอก เขาได้พูดตุยและสุนัขจิ้งจิกขอให้เขาฝึกมันให้เชื่อง สุนัขจิ้งจอกพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาจึงทำมัน สุนัขจิ้งจอกบอกวิธีฝึก จนวันหนึ่งมันเชื่อง และถึงเวลาที่ต้องจากลา สุนัขจิ้งจอกบอกให้กลับไปหาดอกกุหลาบ5000ดอกนั้น และจะค้นพบว่ามันไม่เหมือนดอกไม้ของเด็กชายเลย ดอกไม้ของเขา มีเพียงดอกเดียวจริงๆ สิ่งสำคัญไม่อาจเห็นได้ด้วยตา แล้วเขาก็บอกลากัน พร้อมทั้งทำให้รู้ว่าสุนัขจิ้งจอกที่มีมากมาย และเด็กชายอีกหลายคนก็ไม่เหมือนกัน เพราะเขาทั้งสองมีความสำพันธ์ และสิ่งสำคัญไม่อาจเห็นได้ด้วยตา เด็กชายเดินทางไปเรื่อยๆไปเจอผู้คนมากมาย แล้วเขาก็ได้มาเจอกับนักบินโชคร้าย ที่เครื่องตกอยู่กลางทะเลทราย
มันเป็นดาวธรรมดาดวงหนึ่ง ที่มีขนาดใหญ่ เมื่อมาถึงโลกมนุษย์ เขาแปลกใจที่ไม่พบเจอผู้คนเลย เขากลัวว่าจะมาผิดดวง แต่บังเอิญไปเห็นวงแหวนสีพระจันทร์ยับไหวอยู่บนพื้นทราย เขาพูดคุยกับงูว่าที่นี่ที่ไหน ไม่มีคนเลยหรือ งูตอบว่าที่นี่เป็นทะเลทราย ไม่มีคนอยู่บนทะเลทรายหรอก งูบอกจะช่วยเด็กชายเมื่อวันหนึ่งที่เธอคิดถึงดวงดาวของเธอ เด็กชายบอกว่าเธอชอบพูดอะไรที่เป็นปริศนา แล้วงูก็ตอบกลับว่า แล้ววันหนึ่งเธอจะเข้าใจเอง แล้วทั้งคู่ก็เงียบไป เด็กชายออกเดินทางไปเรื่อยๆ เจอดอดไม้ ภูเขา เจอทุ่งกุหลาบที่เหมือนดอกไม้บนดาวของเขา ที่เขาคิดว่าเธอมีเพียงดอกเดียว ดอกไม้ที่เขาเฝ้าทะนุถนอมแต่เขากลับพบว่าที่นี่มีดอกไม้ที่หน้าตาเหมือนกันถึง5000ดอก แล้วเขาก็เดินไปในป่า ได้ยินเสียงของสุนัขจิ้งจอก เขาได้พูดตุยและสุนัขจิ้งจิกขอให้เขาฝึกมันให้เชื่อง สุนัขจิ้งจอกพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาจึงทำมัน สุนัขจิ้งจอกบอกวิธีฝึก จนวันหนึ่งมันเชื่อง และถึงเวลาที่ต้องจากลา สุนัขจิ้งจอกบอกให้กลับไปหาดอกกุหลาบ5000ดอกนั้น และจะค้นพบว่ามันไม่เหมือนดอกไม้ของเด็กชายเลย ดอกไม้ของเขา มีเพียงดอกเดียวจริงๆ สิ่งสำคัญไม่อาจเห็นได้ด้วยตา แล้วเขาก็บอกลากัน พร้อมทั้งทำให้รู้ว่าสุนัขจิ้งจอกที่มีมากมาย และเด็กชายอีกหลายคนก็ไม่เหมือนกัน เพราะเขาทั้งสองมีความสำพันธ์ และสิ่งสำคัญไม่อาจเห็นได้ด้วยตา เด็กชายเดินทางไปเรื่อยๆไปเจอผู้คนมากมาย แล้วเขาก็ได้มาเจอกับนักบินโชคร้าย ที่เครื่องตกอยู่กลางทะเลทราย
นับจากวันนั้น
เขาก็อยู่ด้วยกันมาแปดวันแล้ว น้ำที่นักบินมีเริ่มหมด เขาออกเดินทางพร้อมเด็กชาย
เพื่อไปหาแหล่งน้ำ เดินไปไกลจนเจอบ่อน้ำ มีลูกรอกเก่าๆ
เขาเอาน้ำขึ้นมาให้เด็กชายกิน ทั้งสองรู้ดีว่าน้ำนี้มีความหมายแค่ไหน
ความผูกพันที่เขามีให้กันตลอดแปดวันนั้นทำให้นักบินโศกเศร้าเมื่อเด็กชายพูดถึงวันครบรอบที่เขาตกลงมา
และที่แห่งนี้ที่เขาตกลงมา แอบออกมาแล้วต้องลาจากไป เขากลับมาพบกับงูที่เดิม
เขาบอกนักบินว่าจะกลับดวงดาวของเขา นักบินรู้ซึ่งถึงการจากไป
และจะหวนคิดขึ้นได้ทุกครั้งเมื่อมองไปยังดวงดาวที่ทอแสงเหล่านั้น
ว่าต้องมีซักดวงที่เด็กชายอยู่ และจะได้ยินเสียงหัวเราะของเขาจากดวงดาวเหล่านั้น
คนเราให้คุณค่าแต่ละสิ่งไม่เหมือนกัน มันเหมือนกับว่าแทนที่ผมจะให้ดวงดาวแก่คุณ
ผมกลับให้กระพรวนที่หัวเราะได้แทน เด็กชายบอก
เขาเข้าไปใกล้งู มันรัดข้อเท้าเด็กชาย และเขาล้มลง
ไม่มีเสียงร้องใดๆ จนถึงวันนี้เวลาผ่านไปหกปีหลังจากที่เครื่องบินของนักบินตก
เขาหวนคิดถึงเจ้าชายน้อยคนนั้นเสมอ และไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังอาจะเพราะว่า
ไม่มีผู้ใหญ่แม้สักคนที่สามรถเข้าใจถึงความสำคัญอันยิ่งใหญ่นี้
คุณค่าของวรรณกรรมที่ได้อ่าน
เป็นเรื่องราวที่กล่าวถึงมุมมองในแบบเด็กๆ
แต่เราทุกคนล้วนเคยเป็นเด็ก ถึงแม้เราจะโตขึ้นมาอีกปีหนึ่ง หรือวันหนึ่งๆก็ตาม
เราใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ ทิ้งความสงสัยในวัยเด็ก
ละทิ้งการตั้งคำถามที่น่าสงสัยเหล่านั้น
เพียงเพราะมัวกังวลอยู่กับการใช้ชีวิตให้เป็นผู้ใหญ่
การอ่านเรื่องราวนี้ทำให้ได้คิดว่าสังคมที่เป็นอยู่
หน้าที่การงาน การใช้ชีวิต การละทิ้งความฝัน หรือกระทั่งเรื่องความสัมพันธ์
เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่พอๆกัน มันอยู่ที่เราจะให้ความสำคัญกับอะไร
เด็กชายอาจจะคิดอีกแบบ เราอาจจะคิดอีกแบบ งูตัวนั้นอาจจะคิดอีกแบบ
แต่ทุกสิ่งล้วนมีความคิดเป็นของตัวเอง เราให้ความสำคัญกับความคิดตัวเอง
และสิ่งสำคัญคือ การพบเจอจากลา หรือการสร้างความสัมพันธ์
ทำให้รู้ว่าสิ่งสำคัญไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา เราจะเข้าใจมันเอง ผ่านตัวหนังสือ
ผ่านความรู้สึก หรือผ่านรูปวาดเหล่านั้น
บริบททางสังคมและวัฒนธรรมจากการอ่าน
สำหรับบริบททางสังคมและวัฒนธรรมนั้น
อาจเป็นเรื่องที่เด็กชายไปหลากหลายดวงดาว เจอผู้คนหลากหลายรูปแบบ ทำให้รับรู้ถึงบริบทของแต่ละดวงดาว เช่น ดาวที่มีกษัตริย์
ก็จะเป็นเรื่องของการปกครอง หน้าที่ของกษัตริย์ การวางตัว หรือลักษณะนิสัยของแต่ละตัวละคร
ดาวแต่ละดวงจะมีผู้คนที่แตกต่างกันออกไป จะมีหน้าที่ที่แตกต่างวัฒนธรรมการใช้ชีวิตและทัศนคติที่แตกต่างกันออกไป
ส่วนเรื่องของนักบินที่เครื่องตกกลางทะเลทรายนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เห็นว่ามีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ
และที่พบกับเด็กชายนั้น ทำให้เห็นถึงกระบวนความคิดของเจ้าชายน้อยของเขา
การแสดงออกของเขาต่อเจ้าชายน้อยอย่างอ่อนโยน เป็นเรื่องของวัฒนธรรมการปฏิบัติตัวต่อผู้อื่น
อย่างไรก็ตามการเล่าเรื่อง
และประสบการณ์บางส่วนก็ต้องอาศัยความเข้าใจปฏิสัมพันธ์ของชีวิตกับสังคมในบางช่วงเวลาของผู้แต่งเองที่ต้องการจะสื่อสารราวกับว่าการเป็นเด็กเป็นเรื่องที่สนุกสนานและบริบททางสังคมในวัยเยาว์นั้นช่างเรียบง่ายและน่าขบคิด